แกงเขียวหวานสันในไก่
อาหารที่เป็นที่รู้จักอีกอย่างหนึ่งของต่างชาติ ยิ่งถ้าได้ทำจากกะทิมะพร้าวสดแล้ว ความอร่อยผิดกับกะทิกล่อง แต่การใช้กะทิกล่องก็สะดวกสบายกับแม่บ้านสมัยใหม่และแม่บ้านต่างแดน กะทิกล่องถ้ามาทำอาหารคาวพอใช้ได้ค่ะ แต่ถ้าเอามาทำประเภทขนมไทยผลที่ได้ไม่ดีเท่ากับใช้กะทิสดที่คั้นจากมะพร้าว
ยายของแม่หลิ่มซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว ยายทำมาหลายอาชีพ แม่หลิ่มจำได้ว่าแรก ๆ เลยยายมีบ้านเป็นห้องแถวไม้ ถ้าใครรู้จักอำเภอโพธาราม และรู้จักละแวกสถานีรถไฟโพธาราม บ้านยายของแม่หลิ่มอยู่ละแวกนั้นค่ะ หลัง ๆ ยายย้ายไปอยู่บ้านไร่ ที่บ้านไร่ยายมีอาชีพหลักคือกวนกะละแมขาย กะละแมของยายเป็นที่ขึ้นชื่อลือชามาก ผู้ว่าราชการสมัยโน้นมาซื้อประจำ บางทีถึงกับหอบหิ้วไปอเมริกาเพื่อฝากเพื่อนฝากฝูงด้วย ยายมีลูกค้าเป็นดาราก็หลายคนอยู่ สิเรียม อรสา และอีกหลายคนต่างก็ติดใจกะละแมของยายทั้งนั้น
ส่วนผสมหลักอย่างหนึ่งของกะละแมคือกะทิ ยายจะเหมามะพร้าวเป็นรถ ๆ จากคนที่อาศัยอยู่ละแวกเดียวกัน รถที่ว่านี้คนแถวโน้นจะเรียกว่า “สาลี่” คือเป็นรถเข็นสองล้อ เขาจะมาส่งแล้วเอามะพร้าวลงให้ มะพร้าวที่ยังไม่ได้ปอกเลยค่ะ แทบทุกเช้าหลังจากยายตื่นและใส่บาตรแล้ว ยายจะกวาดลานบ้าน เก็บใบไม้ให้เตียนโล่ง แล้วยายจะค่อย ๆ ปอกมะพร้าวสะสมแต้ม ยายใช้มีดอีโต้ปอก ดึงเปลือกมะพร้าวออก แยกเปลือกมะพร้าวใส่หลัวเพื่อไว้ก่อไฟเตาถ่าน ใช้อีโต้เกลามะพร้าวให้ผิวเกลี้ยง ๆ ทีละลูก ค่อย ๆ ทำไป แล้วจึงทำการต่อยมะพร้าวให้เหลือแต่เนื้อมะพร้าว ถ้าลูกไหนมีจาวมะพร้าวยายก็ไม่วายที่จะเก็บไว้ให้หลาน ๆ กิน แล้วน้าของแม่หลิ่มจะเป็นคนเอามะพร้าวไปสีให้ยาย แล้วจึงทำการคั้นให้ได้กะทิ แล้วแต่ใครจะว่างคั้นให้ หรือบางทียายก็คั้นเอง
ส่วนของกากมะพร้าวเมื่อคั้นจนหมดความมันแล้ว ยายจะให้หลาน ๆ เอาไปตากบนพื้นปูนหรือสังกะสีให้แห้ง แล้วเก็บใส่กระสอบเพื่อรอไว้ขายต่อไป
ช่วงชีวิตที่ไปอยู่บ้านยายเป็นช่วงชีวิตที่แม่หลิ่มมีความสุขได้เรียนรู้ ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยได้เห็นเมื่ออยู่กับพ่อกับแม่ ได้พบเจอกับผู้คนที่ต่างวิถีการดำเนินชีวิตกับคนในเมือง ได้เดินบนคันนา ได้ดูเค้าวิดบ่อปลา ได้นั่งเฝ้าหมูออกลูก ได้ต้มข้าวโพดทีละหลายกระทะ ได้พวงข้าวโพดขาย ได้รดน้ำผักชี ได้ทำไก่อบฟาง สารพัดสารเพ
เข้าเรื่องแกงเขียวหวานดีกว่า มัวแต่นอกเรื่องไปเรื่องของมะพร้าวเสียนานเลย
น้ำพริกแกงเขียวหวานนั้นแม่หลิ่มซื้อสำเร็จมาค่ะ เพราะไม่มีเวลามากพอที่จะมานั่งโขลกเอง ถ้าใครสะดวกโขลกเองตามสบายเลยค่ะ น้ำพริกแกงบางจ้าวก็สีออกเขียว เขาใช้แต่พริกขี้หนูเม็ดใหญ่และเม็ดเล็กสีเขียวล้วน ๆ บางจ้าวก็ไม่ใส่กะปิ บางจ้าวก็สีออกเหลือง คงจะเจือพริกเหลืองเข้าไปด้วย บางจ้าวเขียวเพราะใส่ใบพริกไปด้วย
สำหรับน้ำพริกแกงต่าง ๆ สัดส่วนที่ใช้กับเนื้อสัตว์โดยประมาณคือ น้ำพริกแกง 1 ขีด ใช้กับเนื้อสัตว์ 1/2 กิโลกรัม เนื้อสัตว์ในที่นี้ถ้าเราใส่เนื้อไก่ และจะใส่ตีนไก่ด้วย ก็นับตีนไก่ด้วยนะคะ เพิ่มปริมาณให้สมดุลย์ หรือบางคนชอบหนักน้ำพริกแกงก็อาจจะใส่เกินจาก 1 ขีดไปนิดหน่อยในแบบที่ตัวเองชอบ
เตรียมของ
สันในไก่ 300 กรัม (3 ขีด)
เลือดไก่ 1/2 ก้อน หรือชอบมากใส่ 1 ก้อนค่ะ
น้ำพริกแกงเขียวหวาน 60-70 กรัม
กะทิกล่องขนาด 250 ซีซี จำนวน 2 กล่อง
น้ำสะอาด 2 ถ้วย
มะเขือเปราะ 7-9 ลูก หรือมากน้อยตามชอบ
มะเขือพวงเด็ด 1/4-1/3 ถ้วยตวง หรือมากน้อยตามชอบ
ใบโหระพาเด็ด 1 ถ้วยตวง หรือมากน้อยตามชอบ
ใบมะกรูด 6-7 ใบ หรือมากน้อยตามชอบ
พริกเหลือง 2-3 เม็ด
พริกขี้หนูเม็ดใหญ่สีแดง 5-6 เม็ด
น้ำปลา
น้ำตาลปีบ
ขั้นตอนการทำ
- นำสันในไก่ล้างแล้วพักให้สะเด็ดน้ำ หั่นเป็นชิ้นหนาบางพอประมาณ อย่าหั่นเล็กมากไปเดี๋ยวแกงแล้วจะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไม่สวยงามค่ะ
- เลือดไก่นำล้างน้ำ พักให้สะเด็ดน้ำ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แม่หลิ่มใส่ 1/2 ก้อน เพราะคนที่บ้านไม่นิยมกินเลือดไก่ค่ะ
- โหระพาล้างน้ำทั้งกิ่ง สะบัดให้น้ำออกจากกิ่ง เด็ดเอาแต่ใบที่ใช้ได้เก็บใส่ถ้วยไว้
- ใบมะกรูดล้างน้ำ ฉีกเอาเส้นกลางใบทิ้งไป ใส่รวมไว้กับใบโหระพา
- มะเขือพวงล้างน้ำ เด็ดเอาแต่เม็ดไว้
- มะเขือเปราะ ล้างน้ำ เฉือนขั้วทิ้ง แล้วผ่าตามขนาดลูก 4 ส่วน 6 ส่วน แล้วแช่ในน้ำผสมน้ำเกลือหรือน้ำผสมน้ำมะนาวกันมะเขือดำ แม่หลิ่มเอามะเขือพวงใส่รวมไว้กับมะเขือเปราะค่ะ
- พริกขี้หนูเม็ดใหญ่สีแดงและพริกเหลือง ล้างน้ำ ตัดขั้วทิ้ง หั่นแฉลบ
- เทกะทิกล่อง 1 กล่องลงในกระทะ นำกระทะตั้งบนเตา เปิดไฟกลางรอกะทิเดือด คนด้วยตะหลิวเป็นระยะ
- เมื่อกะทิเดือดให้ทิ้งเวลาไว้สักพักเพื่อให้กะทิแตกมันเล็กน้อย กะทิจะข้นขึ้นและปริมาตรลดลง
- เมื่อกะทิแตกมันแล้วให้เทน้ำพริกแกงลงไป ใช้ตะหลิวบี้ให้น้ำพริกแกงกระจายตัวแล้วผัดให้เข้ากันกับกะทิ
- หากไฟอ่อนไปกะทิไม่ค่อยเดือดให้เร่งไฟได้ หากไฟแรงไปจนขอบจะไหม้ก็ลดไฟลง ผัดไปเรื่อย ๆ เป็นระยะให้กะทิแตกมันรอบ ๆ สังเกตดูรอบ ๆ วงที่เดือดจะมีเงา ๆ น้ำมันฉาบ
- เทสันในไก่ใส่ลงไป ผัดให้น้ำพริกแกงฉาบเนื้อไก่ให้ทั่วเสมอกัน ให้เนื้อไก่ตึงตัวอาจจะยังไม่สุกทั้งหมด
- เทเนื้อไก่ที่ผัดกับน้ำพริกแกงลงหม้อที่จะใช้แกง
- เทน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวงล้างก้นกระทะ เสียดายน้ำพริกแกงที่ติดกับกระทะค่ะ แล้วเทน้ำที่ล้างกระทะใส่หม้อแกงที่เตรียมไว้
- เทกะทิอีก 1 กล่องลงในหม้อ และตามด้วยน้ำสะอาดอีก 1 ถ้วย คนพอเข้ากัน
- เปิดเตาไฟกลางรอให้น้ำแกงเดือด เมื่อน้ำแกงเดือดแล้วใส่เลือดไก่ลงไป รอให้น้ำแกงเดือดอีกครั้ง
- เมื่อน้ำแกงเดือด ลองตักมาชิมเล็กน้อย มีความเผ็ดพอไหม มีความเค็มแค่ไหน
- ถ้าเผ็ดไม่ตรงตามความต้องการ ให้แบ่งน้ำพริกแกงละลายกับกะทิโดยตักกะทิในหม้อใส่ถ้วยเล็กน้อย ใส่น้ำพริกแกงลงไป คนให้เข้ากัน น้ำพริกแกงไม่เป็นเม็ด แล้วเทใส่หม้อแกง
- ปรุงรสชาติ ใส่น้ำปลา น้ำตาลปีบ ชิมดูให้ได้ในแบบที่ชอบ
- เทมะเขือเปราะและมะเขือพวงลงในกระชอนตาห่าง ล้างน้ำผ่าน ๆ หนึ่งครั้ง เขย่า ๆ ให้สะเด็ดน้ำ
- เมื่อน้ำแกงได้รสชาติในแบบที่ชอบแล้ว น้ำแกงเดือดจัด ๆ ใส่มะเขือทั้งสองอย่างลงไป ทิ้งเวลาไว้สักพัก ขึ้นกับว่าชอบมะเขือกรอบหรือมะเขือนิ่มให้ปรับเวลาเอาเองค่ะ
- ใส่ใบโหระพา ใบมะกรูดและพริกสีสวยที่เตรียมไว้จึงปิดเตา ทิ้งเวลาไว้สักพัก คนพอทั่ว
- ตักใส่ชาม เวลาตักพยายามตักให้เห็นส่วนประกอบของทุกอย่างในแกงคละ ๆ กันไป
- อย่าลืมเช็ดขอบชามให้สะอาดก่อนยกไปขึ้นโต๊ะ อาหารทำซะสวยอย่าตกม้าตายตอนท้ายนะคะ
-
http://www.facebook.com/people/ภาษิณี-พ่วงวิจิตร/606785896 ภาษิณี พ่วงวิจิตร